วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ไฟอาฆาต เรือลอยอังคาร กองเรือ โทร.033-147689 LINE ID 033147689 มือถือ 095-7233739

เรื่อง ไฟอาฆาต
เรือลอยอังคาร กองเรือ 

โทร.033-147689 LINE ID 033147689 มือถือ 095-7233739

  • ในอดีตกาล ชายคนหนึ่งมีภรรยาแต่เป็นหมัน จึงหาภรรยามาอีกคนหนึ่งตามคำยินยอมของภรรยาคนแรกเมื่อภรรยาคนที่สองกำลังตั้งครรภ์ ภรรยาคนแรกเกิดความคิดริษยาจึงพยายามหาโอกาสปรุงยาขับเลือดใส่ในอาหารให้ภรรยาคนที่สองกินจนแท้งลูกไปหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายภรรยาคนที่สองพร้อมด้วยลูกในท้องได้ถึงแก่ความตายก่อนตายเธอได้ผูกอาฆาตว่า ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสามารถกินนางเมียหลวงพร้อมลูกของมัน ปรากฏว่าคู่เวรคู่กรรมนี้เกิดมากี่ชาติก็ตามล้างผลาญกันอยู่ทุกชาติเช่น ฝ่ายหนึ่งเกิดเป็นไก่อีกฝ่ายหนึ่งก็เกิดเป็นแมวไปกินไก่ฝ่ายหนึ่งเกิดเป็นเนื้อ อีกฝ่ายหนึ่งก็เกิดเป็นเสือไปฆ่าเนื้อ เป็นต้น แม้เกิดมาเป็นคนก็ยังจองเวรกันไม่เลิก จนเมื่อพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดจึงดับไฟอาฆาตกลับเป็นไมตรีกันได้จากตัวอย่างข้างต้นทำให้เกิดแง่คิดขึ้นว่า สิ่งที่ชาวโลกเรียกว่า ไฟ นั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
  1. ไฟภายนอก ได้แก่ไฟที่สามารถมองเห็น ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้หรือไฟที่เกิดจากกระแสไฟฟ้า ไฟเหล่านี้มีคุณอนันต์สำหรับคนที่รู้จักนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น ใช้หุงต้มอาหาร ใช้ส่องสว่างในที่มืด เป็นต้น แต่ก็มีโทษอย่างมหันต์ถ้าไม่ควบคุมให้ดี 
  2. ไฟภายใน ได้แก่ ไฟที่ไม่สามารถมองเห็นตัวตน แต่มีอานุภาพทำให้ผู้ที่ถูกไฟประเภทนี้เผา จะมีอาการเหี่ยวแห้ง กลัดกลุ้ม รุ่มร้อน ปรากฏขึ้นในใจ ไฟภายในเหล่านี้ได้แก่ ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ ซึ่งจะผสมผสานกลั่นตัวออกมาเป็นไฟอีกหลายดวง เช่น ไฟริษยาและไฟอาฆาต เป็นต้นธรรมชาติของไฟ ไม่ว่าจะเป็นไฟชนิดไหนก็ตาม จะมีลักษณะร้อน เผาไหม้ ทำลายล้าง ถ้าเป็นไฟภายนอกก็จะเผาไหม้จนกว่าเชื้อไฟจะหมดไป หรือถูกทำให้ดับไปเสียก่อน ถ้าจะกล่าวถึงการทำลายล้าง แม้จะรุนแรงขนาดไหนก็ยังสามารถจำกัดเขตได้และไม่ได้ไหม้กันพร่ำเพรื่อไป แต่ถ้าเป็นไฟภายในจะมีอานุภาพที่น่ากลัวกว่าหลายเท่า เพราะเกิดง่ายดับยาก ไหม้โดยไม่มีเขตจำกัด ไหม้ได้ทุกเวลา เกิดแล้วตายแล้วเกิดใหม่ก็ยังสามารถตามไปเผาไหม้ได้ทุกชาติดังนั้น ผู้หวังความสวัสดีแก่ตน จึงควรรีบดับไฟภายใน มีไฟริษยาอาฆาต เป็นต้น ด้วยน้ำคือขันติและเมตตา
  • โดยถือคติว่า เมตตาต่อทุกคน อดทนให้ถึงที่สุด แต่ถ้ายังไม่หยุดก็ให้น้อย ๆ หน่อย



ติดต่อเรือลอยอังคาร มือถือ 095-7233739

วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

เรือลอยอังคาร โทร.033-147689 ธุการ กอง สน.กฝร. โทร.มือถือ 095-7233739

ประวัติความเป็นมา กองการฝึก กองเรือยุทธการลอยอังคาร โทร.033-147689 ธุการ กอง สน.กฝร.มือถือ 095-7233739

  • ประวัติความเป็นมา















วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

ลอยอังคารกองเรือ : อ่าวสัตหีบ โทร.033-147689 มือถือ 095-7233739

วิธีดำเนินการเกี่ยวกับอัฐิและอังคารตามแบบสากลในประเทศซีกโลกตะวันตก
ลอยอังคาร โทร.033-147689 ธุรการ กองสนับสนุนกองการฝึก กองเรือยุทธการ
มือถือ 095-7233739

  • แม้ว่าจะมีวัฒนธรรมนำศพไปฝังแต่ปัจจุบันตามประเทศต่างๆ หาที่ฝังศพได้ยากและต้องใช้จ่ายเพื่อการนี้แพงมากเขาจึงใช้วิธีเผาศพและน้ำอัฐิและอังคารที่เหลือจากการเผามากระทำพิธีโปรยซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า Scattering creation ashes หรือ Scattering Ashes ซึ่งสามารถกระทำได้ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยดำเนินการดังนี้.-
  • */* Casting  เป็นวิธีโปรยอัฐิและเถ้าอังคารไปกับสายลม ปกติจะมีคนหนึ่งโปรย ส่วนคนอื่นๆได้แต่มองดูเมื่อตอนโปรยจะต้องให้ความระมัดระวัง ต้องตรวจสอบทิศทางของลมก่อนที่จะโปรยและต้องคำนึ่งว่าสิ่งที่เราจะโปรยไปจะมีทั้งอัฐิและเถ้าถ่าน การโปรยอาจทำเป็นกลุ่ม คือให้ทยอยช่วยกันโปรยทีละคนก็ได้
  • *//* Trenching  เป็นวิธีการโปรยอัฐิและอังคารลงในคูหรือหลุมที่ขุดไว้ ต้องขุดหลุมหรือคูเตรียมไว้ก่อนแล้วค่อยเทอัฐิและเถ้าถ่านลงไป จากนั้นก็กลบด้วยดิน
  • *///* Ringing  เป็นวิธีโปรยกระดูกและถ้าอังคารลงที่พื้นดินโดยให้คนมายืนล้อมกันเป็นวงรอบสิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งอาจเป็นหลุมหรือโคนต้นไม้ก็ได้ เวลาจะโปรยอัฐิและอังคารลงหลุมหรือโคนต้นไม้ทุกคนต้องนั่งลง
  • *////* Green Burial เป็นวิธีขุดหลุมที่พื้นดิน แล้วโปรยอัฐิและอังคารลงไปในหลุมแล้วใช้ดินกลบ
  • */////* Water scattering โปรยลงในน้ำ คือนำอัฐิและอังคารโปรยลงไปน้ำโดยจะใช้โกศหรือบรรจุภัณฑ์ที่ละลายน้ำง่ายสำหรับเป็นที่บรรจุอัฐิและอังคารเมื่อบรรจุภัณฑ์ถูกน้ำก็จะละลายไปกับสายน้ำพร้อมกับอัฐิและอังคาร หรืออาจจะใช้วิธีโปรยลงจากเรือลงน้ำก็ได้แต่วิธีนี้ต้องระวังหน่อย คือต้องเช็คกระแสลมให้ดี เพราะลมแรงอาจจะพัดเอาอัฐิและอังคารเข้ามาหาตัวคนโปรยหรือผู้ร่วมพิธีได้
  • *//////* Aerial scattering วิธีนี้จะต้องใช้บุคคลที่เป็นมืออาชีพทำ คือจะใช้เครื่องบินส่วนตัวบินขึ้นโปรยมีบริการโปรยอัฐิและอังคารแบบนี้ในต่างประเทศนักบินสามารถกำหนดที่จะบินขึ้นไปโปรยได้ว่าควรจะโปรยลงตรงจุดใด และในเวลาเท่าใดและก็ยังมีบริการให้ญาติๆขึ้นเครื่องบินไปชมพิธีโปรยนี้ด้วย



**** สอบถามข้อมูล เที่ยวเรือ ลอยอังคาร และทัศนศึกษาทางทะเลได้ที่ โทร.033-147689 มือถือ 095-7233739

**** GPS นำทางเข้าท่าเรือลอยอังคาร

ลอยอังคารกองเรือ : อ่าวสัตหีบ ฐานทัพเรือ โทร.033-147689 มือถือ 095-7233739

  ความเชื่อของคนไทยเกี่ยวกับลอยอังคาร
อ่าวสัตหีบ ฐานทัพเรือ โทร.
033-147689 มือถือ 095-7233739

  • คนไทยในประเทศไทย มีความเห็นอย่างหลากหลายเกี่ยวกับ การลอยอังคาร ดังจะได้นำความเห็นของแต่ละท่านและแต่ละแหล่งมาเสนอดังนี้.-
  • */* การลอยอังคารน่าจะได้รับคตินิยมมาจากอินเดีย คำว่า “อังคาร” นั้น หมายถึง ถ่านไม้ ถ่านเผา ถ่านไฟที่กำลังปะทุอยู่ในคำวัดหมายถึงเถ้าถ่านของศพ ที่เผาแล้ว แต่มักเข้าใจกันว่าหมายถึงอัฐิหรือกระดูกของคนตายที่เผาแล้ว และเมื่อทำพิธีเก็บอัฐิและทำบุญเสร็จแล้วนิยมรวบรวมอังคารห่อด้วยผ้าขาวหรือ ใส่โถแล้ว ห่อด้วยผ้าขาวนำไปทิ้งแม่น้ำหรือทะเลตอนที่มีร่องน้ำลึก โดยเชื่อว่าจะทำให้ผู้ตายได้อยู่ในสถานที่เย็นๆ โดยไม่มีใครรบกวน เรียกการกระทำอย่างนั้นว่า "ลอยอังคาร"
  • /* “พิธีการลอยอังคาร" นั้น สันนิษฐานว่า น่าจะได้รับคตินิยมมาจากอินเดีย เหตุเพราะคนอินเดียถือว่า แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ชำระบาปได้ ด้วยเหตุนี้การเผาศพจึงชอบที่จะมาเผากันที่ริมแม่น้ำคงคากันมาก ทั้งนี้ ก็เพียงเพื่อจะได้นำกระดูกและเถ้าถ่านทิ้งลงแม่น้ำแห่งนี้ เพราะถ้าไม่ได้สัมผัสกับน้ำในแม่น้ำคงคาแล้วก็จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ หรือไม่หมดบาปนั่นเองสำหรับประเทศไทยนั้น ได้มีการบันทึกในพงศาวดารกล่าวถึงพิธีการลอยอังคาร โดยเฉพาะการลอยพระอังคารของบรรดาเจ้านายต่างๆไว้อย่างชัดเจน และสืบเนื่องมากระทั่งกรุงรัตนโกสินทร์
  • //* อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวมาแล้วว่า พิธีการลอยอังคารนั้นน่าจะมีที่มาจากอินเดีย ก็ยังคงมีความซับซ้อนไปอีกชั้นนึง โดยเชื่อว่าน่าจะมาจากอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูเป็นหลัก เหตุเพราะถ้าเป็นคติทางพุทธแล้ว มักจะนิยมเผาศพแล้วเอาอัฐิธาตุ (กระดูก) ฝังและก่อกองดินหรือกองหินตรงที่ฝัง ซึ่งเรียกกันว่า “สถูป”
  • ///* ดังเช่น อังคาร ที่เป็นเถ้าถ่านจากการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า โมริยกษัตริย์ได้นำไปบรรจุไว้ในสถูปที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสักการบูชา ที่เมืองปิปผลิวัน เรียกว่า “อังคารสถูป”
  • ดังนั้น ประเทศไทยจึงรับเอา วัฒนธรรม ประเพณีนี้มาทั้งสองทาง คือ ทั้งฮินดู และพุทธ กล่าวคือสำหรับทางพุทธ ถ้าเป็นคนชั้นสูงก็จะก่อพระเจดีย์บรรจุอัฐิธาตุ ถ้าเป็นคนชั้นล่างก็เป็นแต่เพียงฝังอัฐิธาตุหรือเอาไปกองทิ้งไว้โคนต้น ส่วนพระอังคารหรือถ่านที่เผาพระศพ ก็จะเชิญไปลอยปล่อยไปในแม่น้ำตามคติทางฮินดู เพิ่งมาเลิกลอยพระอังคาร เปลี่ยนเป็นบรรจุเมื่อ รัชกาลที่ ๕ มานี้เอง
  • ////* การลอยอังคารจึงไม่เพียงแต่เป็นการฝากคนที่เรารักไว้กับแม่พระคงคา เทพยดาผู้รักษาน้ำ เพื่ออภิบาลดวงวิญญาณของผู้นั้น เท่านั้น แต่เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการละวางทั้งปวง ร่างกาย สังขาร ทั้งหลาย เมื่อแตกดับ กลับคือสู่ธาตุต่างๆที่มาประชุมกัน เหลือเพียงผงธุลี ฝากไว้ในอากาศ ในดิน ในน้ำกลับคืนสู่      บ้าน       อันนิรันดร์และแท้จริงของสรรพสิ่งทั้งมวล”
  • *//* "การลอยอังคาร"  ถือเป็นคติให้คนลอยได้คิดตามที่ข้างบนกล่าวไว้ แต่ทว่าอังคารไม่ใช่เถ้า (ตามคำกล่าว) เห็นควรว่าเป็นส่วนที่เหลืออยู่จากการเผาไหม้ ถือเป็นธาตุดิน การโปรยเป็นการรวมอีกครั้งให้ครบทั้งสี่ธาตุ (ดิน น้ำ ลม ไฟ) หมายถึง ให้ไปเกิดใหม่ คือ อย่าอาลัยในส่วนที่เหลืออยู่(ตามความเชื่อ) แต่เป็นคติให้คนโปรยให้ได้คิด ว่าสุดท้ายก็เหลือเพียงแค่นี้ คนอยู่ความอยากจะได้น้อยลง
  • /* ทะเลนั้นกว้างใหญ่ เพื่อไม่ให้ยึดติดในสัญญา(ว่าจะกลับมาหาเรื่องอีก) บึงใหญ่ๆก็ใช้ได้ ว่าจะได้สงบนิ่ง(ไม่มีตัณหา)ไม่ต้องทุรนทุรายเหมือนตอนยังมีชีวิตอยู่อีกต่อ ไป เป็นคติให้คนที่ยังอยู่ได้คิดว่า เมื่อสุดท้ายเป็นเช่นนี้ จะดิ้นรนหาอะไรอีก
  • //* เรื่องความเชื่อของพราหมณ์ ก็ปะๆปนๆเข้ากันกับชาวพุทธเราเป็นงี้แหละ จนสงสัยกันว่าลัทธิพราหมณ์อาจเป็นสาขาปลีกย่อยของพุทธศาสตร์พระพุทธเจ้าองค์ ก่อนๆในกัปนี้แหละ”
  • *///* การลอยอังคารถ้าไม่มีทะเลก็ลอยในแม่น้ำใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียงมาจากอินเดีย ชาวพราหมณ์ฮินดูที่อินเดียจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้คือเชื่อว่า แม่น้ำคงคาไหลไปสู่และไหลมาจากสรวงสวรรค์ เพราะไหลมาจากแม่น้ำหิมาลัยตรงที่เขาเรียกกันว่าโคมุข คือ ปากโค ตามคติความเรื่องป่าหิมพานต์ที่มีเขา ๕ ลูกล้อมรอบสระอโนดาต และที่สระอโนดาตจะมีทางให้น้ำไหลออกมาอยู่ ๔ แห่ง คือ
  • * สีหมุข ปากราชสีห์ เป็นถิ่นที่ราชสีห์อาศัยอยู่มาก
  • ** หัตถีมุข ปากช้าง เป็นถิ่นที่ช้างอาศัยอยู่มาก
  • *** อัสสมุข ปากม้า เป็นถิ่นที่ม้าอาศัยอยู่มาก
  • **** อุสภมุข ปากโคอุสภะ เป็นถิ่นที่โคอาศัยอยู่มาก น้ำจากสระอโนดาตนี้ จะไหลต่อมาอีกยาวไกล จนมากระทบกับติรัจฉานบรรพต คือเขาขวางก็จะเกิดแยกออกเป็นแม่น้ำสายหลัก ๕ สายของมนุษย์ คือ อจิรวดี คงคา ยมุนา สรภู และ มหิ
  • /* ดังนั้นชาวฮินดูจึงเชื่อว่าแม่น้ำคงคาสามารถล้างบาปได้ ในชีวิตหนึ่งหากได้ลงอาบน้ำ(โดยจะดำลงไปจนมิดหัว)ในแม่น้ำคงคาถือว่ามีบุญ ถือว่าชีวิตสมบูรณ์ ถือว่าได้ชำระล้างบาปทั้งมวลแล้ว เมื่อมีคนตายเขาจะนำมาเผาที่ริมฝั่งแม่น้ำคงคาและลอยเถ้าอังคาร หรือนำศพลอยลงสู่แม่น้ำคงคา เชื่อว่าคนที่ตายจะได้ไปสวรรค์ แต่เขาจะทำกิจกรรมเหล่านี้ที่ฟากฝั่งเดียวของแม่น้ำคงคานะคะ เพราะเชื่อกันว่าอีกฝั่งหนึ่งคือฝั่งนรก จึงไม่มีใครไปอาบน้ำเอาศพไปลอยอีกฝั่งหนึ่ง
  • //* คติความเชื่อเหล่านี้ที่ไทยรับมาและยังเห็นได้อยู่มียกตัวอย่างคือคำเรียก ชื่อ ประเพณีรดน้ำดำหัว ซึ่งปัจจุบันไทยเราจะแค่รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ที่มือ บางท้องถิ่นจะมีการอาบน้ำให้ผู้ใหญ่ แต่ของอินเดีย อย่างที่เล่าแล้วว่าเขาจะอาบน้ำในแม่น้ำคงคงคาโดยจะดำน้ำจนมิดหัว แต่ของไทยเหลือติดมาแค่คำว่า ดำหัว เท่านั้น ประเพณีการลอยอังคารในแม่น้ำใหญ่หรือที่ปากอ่าว ในทะเล ไทยเรารับมาจากอินเดีย ที่จริงมีผู้รู้ท่านหนึ่งในนี้บอกว่าที่ถูกต้องต้องลอยทั้งห่อ ไม่ใช่แกะห่อแล้วโปรย เมื่อเกิดใหม่จะได้ครบส่วน ถ้าไม่มีทะเลก็ลอยในแม่น้ำใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ปิง วัง ยม น่าน ป่าสัก หรือไม่ก็ขับรถมาลอยที่ปากอ่าวแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่ไทยไม่ได้เชื่อว่าลอยแล้วจะไปสวรรค์ เราเชื่อว่าจะเย็น คือ จะเป็นสุขนั่นเอง เดี๋ยวนี้ตั้งแต่หนังไทยหนังจีน(จำชื่อเรื่องไม่ได้ เอาเถ้าอังคารคนรักไปโปรยที่หุบเขา มีบทพูดประมาณว่าให้อวลแทรกอยู่ในทุกอณูของอากาศ อยู่ในอ้อมกอดของขุนเขา ประมาณนี้ ก็มีการเอาอย่างกันบ้าง
  • *////* การลอยอังคารเป็นประเพณีนำมาจากศาสนาฮินดูในอินเดีย เพราะในประเทศอินเดียเค้าจะนำศพไปเผาริมแม่น้ำคงคา เมื่อเผาเสร็จเค้าก็นำเถ้าถ่านลงสู่พระแม่คงคา ชาวฮินดูที่มีความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำคงคา ไม่ว่าจะดื่ม อาบ แช่ลงในน้ำ รวมไปถึงการเผาศพและก็ลอยไปในน้ำ บางทีก็โยนลงไปในน้ำเป็นศพทั้งตัวเลยก็มี เขาเชื่อว่าถ้าไม่ได้สัมผัสกับแม่น้ำคงคาก็จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ชาวฮินดูจึงนิยมลงไปแช่ อาบ ดื่ม เพื่อเป็นการชำระสิ่งชั่วร้าย และเป็นการชำระล้างบาป
  • */////* การลอยอังคารเป็นคตินิยมสืบเนื่องมาจากศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู "อังคาร" คือ อัฐิ หรือเถ้าถ่านของกระดูกของคนตายที่เผาแล้ว พิธีการลอยอังคารนั้นเป็นคตินิยมสืบเนื่องมาจากลัทธิพราหมณ์ หรือ ชาวฮินดูที่มีความเชื่อในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของแม่น้ำคงคา ไม่ว่าจะดื่ม อาบ แช่ลงในน้ำ รวมไปถึงการเผาศพและก็ลอยไปในน้ำ บางทีก็โยนลงไปในน้ำเป็นศพทั้งตัวเลยก็มี เขาเชื่อว่าถ้าไม่ได้สัมผัสกับแม่น้ำคงคาก็จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ชาวฮินดูจึงนิยมลงไปแช่ อาบ ดื่ม เพื่อเป็นการชำระสิ่งชั่วร้าย และเป็นการชำระล้างบาป
  • *//////* การลอยอังคารถือคตินิยมว่า ผู้ล่วงลับไปแล้วจะมีความร่มเย็นเป็นสุข ความเป็นมาไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มต้นลอยอังคารมาในสมัยใด เป็นแต่เพียงสันนิษฐานว่า พิธีนี้ได้รับอิทธิพลมาจากชาวอินเดีย ซึ่งนับถือศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู
  • /* ความมุ่งหมาย  ถือคตินิยมว่า ผู้ล่วงลับไปแล้วจะมีความร่มเย็นเป็นสุข แม้เกิดในภพใด ๆ ขอให้อยู่เป็นสุข เหมือนน้ำที่มีแต่ความชุ่มเย็น



**** สอบถามข้อมูล เที่ยวเรือ ลอยอังคาร และทัศนศึกษาทางทะเลได้ที่ โทร.033-147689
มือถือ 095-7233739

**** GPS นำทางเข้าท่าเรือลอยอังคาร

ลอยอังคารกองเรือ : อ่าวสัตหีบ กองการฝึก กองเรือยุทธการ โทร.033-147689 มือถือ 095-7233739

 ลอยอังคาร : ในทะเลอ่าวสัตหีบ
โดย กองการฝึก กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ
โทร.
033-147689 มือถือ 095-7233739

  • มีนักปรัชญากรีกในสมัยโบราณ ชื่อว่า ธาเรส แห่งไมเลตุส (Thales of Miletus)มีความเห็นว่าปฐมเหตุ (Primary Principle) มาจากน้ำ (Water) ซึ่งก็รวมทั้งชีวิต(Life) นี้ด้วยหลายคนจึงมีบทสรุปที่อิงคำพูดของนักปรัชญาท่านนี้ว่า เมื่อชีวิตมาจากน้ำเช่นนี้แล้ว ชีวิตหลังตายก็ควรจะให้กลับคืนสู่น้ำด้วยและคนเหล่านี้มีความเห็นว่า การนำอัฐิและอังคารไปลอยน้ำ ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า Scattering Ashes Over Water หรือ Water Burial เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการจัดการกับเรื่องของอัฐิและอังคารสำหรับคนที่เห็นว่าการจัดการกับอัฐิและอังคารเป็นหมายสุดท้ายที่จะกระทำให้แก่ผู้ที่ท่านรักซึ่งได้เสียชีวิตจากโลกนี้ไปอยู่โลกใหม่แล้วทะเลจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุด แต่ถ้าหากไม่สะดวกที่จะเดินทางไปที่ทะเล ก็อาจจะใช้แม่น้ำเป็นที่ลอยอัฐิและอังคารแทนก็ได้แต่เนื่องจากการนำอัฐิและอังคารไปลอยลงในน้ำ ซึ่งเมื่อลอยแล้วก็เป็นอันว่าอัฐิและอังคารก็จะหายไปกับสายน้ำจึงไม่มีจุดหรือสถานที่ใดเป็นอนุสรณ์สถานที่ผู้คนในรุ่นหลังจะไปเยี่ยมเยียนในภายหลังได้ท่านผู้รู้จึงได้แนะนำว่าก่อนที่จะนำอัฐิและอังคารไปลอยน้ำก็ควรจะเก็บอัฐิส่วนหนึ่งไว้ที่อนุสาวรีย์ในวัดหรือในสุสานเพื่อที่ว่าลูกหลานของผู้ตายทั้งในปัจจุบันและในอนาคตจะสามารถไปเยี่ยมเยียนเพื่อทำความเคารพและสักการะตามโอกาสอันควรได้



**** สอบถามข้อมูล เที่ยวเรือ ลอยอังคาร และทัศนศึกษาทางทะเลได้ที่ โทร.033-147689 มือถือ 095-7233739